ดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) คือสถานที่ที่ใช้ในการวางเซิฟเวอร์, อุปกรณ์สื่อสารสำหรับเครือข่าย, และระบบสตอเรจสำหรับข้อมูล โดยธุรกิจนี้ในประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตา ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย ประเมินว่าการลงลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาธุรกิจ (Joint Development Agreement: JDA) ระหว่างบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส กับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศไทย และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากตลาดต่างประเทศ จะดึงดูดกระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างมาก
ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัย บล.บัวหลวง ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ทั้ง IoT, Big Data, E-Business และอื่นๆ ล้วนเกื้อหนุนต่ออุปสงค์ของบริการดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจด้านดิจิทัลจะคิดเป็น 25% ของ GDP ของประเทศไทย ภายในปี 2570 และภายในปี 2567 ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ในอาเซียนอาจมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.78 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ประเทศไทยมีโอกาสพัฒนาและกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาคแทนที่สิงคโปร์ได้ โดยถ้าระบบนิเวศของธุรกิจนี้ใหญ่ขึ้น ธุรกิจอื่นที่จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ประกอบด้วย 1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมไปถึงผู้ให้บริการรับออกแบบอาคาร กลุ่มผู้ให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมขั้นสูง 2) ธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าแนว SMEs ที่ต้องการปรับตัวสู่ดิจิทัล 3) กลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันที่ได้รับอานิสงส์จากความพร้อมของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น*