eNewsletter 1
     ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ผู้รับช่วงผลิตจำเป็นต้องปรับแผนธุรกิจและแนวทางดำเนินการสำหรับอนาคต ข้อมูลจาก Euromonitor International ได้ระบุว่ามูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปี 2563 ลดลง 10% เนื่องจากจำนวนการผลิตลดลง 29% เหลือเพียง 1.4 ล้านคัน โดยคาดว่ามูลค่าการผลิตของอุตสาหกรรมจะกลับคืนสู่ระดับเดียวกับก่อนการแพร่ระบาดในปี 2564 นี้ และคาดว่าจำนวนการผลิตรถยนต์จะสามารถกลับไปเทียบเท่ายอดผลิตปี 2562 ได้อีกครั้งในปี 2567 อันเป็นผลจากความต้องการที่เริ่มฟื้นตัวในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป นอกจากนี้ ผู้ผลิตยานยนต์ไทยจะต้องปฏิบัติตามนโยบายที่จำกัดการปลดปล่อยไอเสียของมาตรฐานยูโร 5 ในปี 2564 และยูโร 6 ในปี 2565 ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการลงทุนใหม่ในเทคโนโลยีการผลิตเครื่องยนต์เพื่อตอบสนองมาตรฐานเหล่านี้

     การเติบโตอย่างเห็นได้ชัดของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตควรให้ความสำคัญ เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศเริ่มมีคำสั่งห้ามจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเดิมและหันมาสนับสนุนการผลิตและการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มีการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะแตะ 29.3 ล้านคันในปี 2568 ซึ่งคิดเป็น 29% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด* นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกจะต้องพยายามเพิ่มความหลากหลายให้ห่วงโซ่การผลิตมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหลังได้รับบทเรียนจากโควิด-19 ผ่านการขยายเครือข่ายผู้รับช่วงผลิต และการลงทุนสร้างฐานผลิตระดับภูมิภาคและการเพิ่มทางเลือกด้านโลจิสติกส์

     ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งสัญญาณที่ผู้รับช่วงผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศไทยโดยเฉพาะ SMEs จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับตัว และค้นหาแนวทางเพื่อฟื้นฟูธุรกิจและรักษาตำแหน่งในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกในอนาคต มาร่วมกันเสริมความเข้มแข็งให้พวกเขาบรรลุสู่เป้าหมายที่งาน “ออโตโมทีฟ แมนูแฟกเจอริ่ง 2022” ผ่านเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของคุณ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืนและขยายฐานธุรกิจของคุณไปพร้อมกัน!

*ที่มา: © Euromonitor International