ในปัจจุบัน โรงงานในประเทศไทยที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม 4.0 มีเพียง 5-6% ของจำนวนทั้งหมด แต่ส่วนมากยังคงดำเนินการด้วยเทคโนโลยีของอุตสาหกรรม 3.0 หรือต่ำกว่า ขณะเดียวกัน เริ่มมีการมองไกลไปถึงอุตสาหกรรม 5.0 ที่มนุษย์ทำงานร่วมกับหุ่นยนต์แล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะมีการติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 435,000 เครื่อง และเพิ่มเป็น 518,000 เครื่องในปี พ.ศ. 2567* ดังนั้นภาคการผลิตของไทยจึงต้องเร่งปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้าถึงอุตสาหกรรม 4.0 โดยเร็วที่สุด
จากความจำเป็นเร่งด่วนนี้ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จึงร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.) โดยมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนโรงงานของประเทศที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม 4.0 ให้ได้อย่างน้อย 20% ภายในปี พ.ศ. 2567 ทั้งนี้ ดร. ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ Nectec ได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (SMC) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในปี พ.ศ. 2564 และรวบรวมนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านการให้บริการ 5 ประเภท: การประเมินความพร้อมของโรงงานในการปรับสู่อุตสาหกรรม 4.0, การพัฒนาทักษะ, การให้คำปรึกษา, แพลตฟอร์มอุตสาหกรรมพื้นฐาน, และห้องทดลอง โดยประธานของ FTI คุณสุพรรณ มงคลสุธี ยังกล่าวอีกว่าเทคโนโลยี 5G, IoT, คลาวด์, บิ๊กดาต้า, ความปลอดภัยทางไซเบอร์, บล็อคเชน, ระบบอัตโนมัติ, AI รวมไปถึงเทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) จะเป็นกระแสหลักในอุตสาหกรรมการผลิตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมไทยต้องมองไปข้างหน้าและนำเทรนด์แห่งอนาคตมาปรับใช้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีอยู่ในงาน “Assembly & Automation Technology 2022” พร้อมด้วยการนำเสนอโซลูชั่นทั้งหมดที่ตรงตามมาตรฐานอุตสาหกรรม 4.0 และอีกมาก หากคุณเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี เครื่องจักร ระบบ ซอฟต์แวร์ หรือโซลูชั่นล้ำสมัยที่ต้องการทำธุรกิจและพบปะโดยตรงกับนักอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทยและอาเซียนโดยตรง ที่นี่คือมหกรรมแห่งปีพร้อมกิจกรรมและบริการส่งเสริมธุรกิจที่คุณไม่ควรพลาด!
